The Barefeet Millionaire : ไฮโซรองเท้าแตะ
เมื่อสาวจากชุมชนแออัด ต้องแปลงกายปลอมเป็นสาวไฮโซเพื่อที่จะไปขุดทองจากเหล่าบรรดาไฮโซหน้าหม้อทั้งหลาย แต่กลับต้องมาตกม้าตายเพราะดันไปเจอเข้ากับหนุ่มไฮโซจอมขรึมและช่างจับผิด เรื่องวุ่นวายทั้งหลายแหล่เลยต
ผู้เข้าชมรวม
3,084
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แสงแฟลชวูบวาบกระพริบระยิบระยับไม่เป็นจังหวะ เคล้าคลอไปกับเสียงดนตรีอาหรับที่ดังกึกก้องมาจากด้านในของงานสังสรรค์ กลิ่นอายภารตะคละคลุ้งฟุ้งขจายไปทั่วทุกแห่ง ผู้คนบนพรมแดงต่างพยายามกันทุกวิถีทางที่จะทำให้ตนเองได้เป็นจุดสนใจเพื่อเรียกแสงแฟลชจากเหล่าบรรดาช่างภาพน้อยใหญ่ ทุกคนต่างพยายามหาหันมุมที่คิดว่าเป็นมุมที่สวยที่สุดของตนเอง เพื่อที่ช่างภาพจะได้ ๆ ภาพที่ดีที่สุดของตนเองไป
เอก้าวเท้าเดินเข้างานอย่างมาดมั่น
เธอแสร้งเอามือป้องหน้าเหมือนไม่อยากที่จะถูกถ่ายภาพ
เพราะมันคือวิธีที่จะยิ่งทำให้เหล่าบรรดาช่างภาพเหล่านั้นสนใจเธอมากยิ่งขึ้น
เอแสร้งพยายามที่จะก้าวเท้าให้เร็วเพื่อที่จะได้เข้างานโดยเร็ว
“คุณครับ ๆ
ขอถ่ายรูปด้วยครับ” เหล่าช่างภาพตะโกนขึ้น
เอหยุดยืนนิ่งครู่หนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มเล็ก
ๆ ที่แผนได้ผล “ค่ะ ๆ แป๊บเดียวนะคะ”
เอหันมาโพสต์ท่ากับช่างภาพอย่างมั่นใจ
‘หนึ่ง... สอง’
เธอนับเวลาในใจ
เพราะ 2 วินาทีจะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ในการหยุดโพสต์ที่จะยิ่งปั่นหัวเหล่าช่างภาพว่าคุณเป็นคนสำคัญมากยิ่งขึ้น
“ขอบคุณค่ะ เข้างานก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวครับ
เดี๋ยวครับ ขออีกรูปได้ไหมครับ” เหล่าช่างภาพพยายามตะโกนเรียกเธอ
เธอแสร้งทำท่าไม่ค่อยพอใจ
แต่ก็แอบยิ้มอยู่ในใจ ก่อนหันกลับมาโพสต์อีกครั้งหนึ่ง
‘หนึ่ง... สอง’
เอนับในใจ
“ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสีครับเดี๋ยว
เดี๋ยว.....” เหล่าช่างภาพพยายามตะโกนเรียกเธอ แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
พร้อมกับแอบยิ้มเล็ก ๆ ราวกับว่าตัวเองเป็นคนสำคัญก่อนเดินเข้างานไปอย่างเชิด ๆ
“ว่าแต่...
เมื่อกี้ใครวะ” ช่างภาพคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่รู้ว่ะ
ลูกไฮโซล่ะมั้ง” ช่างภาพอีกคนหนึ่งตอบ
เอพยายามเดินโปรยเสน่ห์จนทั่วงาน
โดยพยายามมองหาพวกที่พยายามอวดรวยด้วยการใส่เครื่องประดับราวกับตู้เพชรตู้ทองเคลื่อนที่
เธอพยายามสงบปากสงบคำและไม่สุงสิงกับใครเพื่อที่จะได้ยืนเด่นอยู่คนเดียว
เพราะนั่นจะยิ่งช่วยเปิดทางให้พวกไฮโซผู้ชายจอมกะล่อนเดินเข้ามาติดกับของเธอ นอกจากนี้เธอยังพยายามอยู่ให้ห่างจากกลุ่มผู้หญิงอย่างเด็ดขาด
เพราะนอกจากจะเข้ามายืนคุยให้เธอเสียโอกาสแล้ว
พวกผู้หญิงจะมีสัมผัสพิเศษที่จะรับรู้ได้ว่าเครื่องประดับของเธอเป็นของปลอม
เอเดินชิมอาหารจนทั่วงานอย่างพองาม
ก่อนที่จะเดินไปถามบริกร
“เอ่อ
ขอโทษนะคะ” เอพูดขึ้น
“ครับ?”
บริกรหนุ่มตอบ
“คืออย่าว่าอย่างนี้อย่างนั้นเลยนะคะ”
เอพูดต่อ “คืออาหารอร่อยมาก งานนี้ใช้เชฟจากที่ไหนเหรอคะ”
“อ๋อ
ฝรั่งเศสครับ” บริกรหนุ่มตอบ
‘อะไรวะ
อาหารแขก แต่ใช้เชฟฝรั่งเศส’ เอคิดในใจ “ตายแล้ว ดีจังเลย คืออยากรู้จักเชฟจังเลยค่ะ
ถ้ามีโอกาสอยากจะเชิญเชฟไปช่วยทำอาหารให้ตัวเอและคุณแม่ทานที่บ้านจังเลยค่ะ
วันนี้ผู้ช่วยของเอไม่ได้มาด้วย ถ้ายังไง
ขอนามบัตรเชฟกับตัวอย่างอาหารกลับไปให้คุณแม่ลองชิมสักนิดได้ไหมค่ะ นิดเดียวพอนะคะ”
เอพยายามกวาดตาหาพวกตู้เครื่องประดับเคลื่อนที่อยู่ต่ออีกพักหนึ่ง
จนได้พบกับชายร่างท่วมที่มีลักษณะเหมือนป๋าตู้ทอง
เพราะทุกส่วนในร่างกายของชายคนดังกล่าวเต็มไปด้วยทองคำ
ทั้งสร้อยที่ห้อยเป็นระย้าที่ถูกสวมทับอยู่บนเสื้อเชิ้ต อีกทั้งแหวนและกำไรอีกระยิบระยับ
เธอจึงเริ่มปฏิบัติการโดยทันที
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
เอแสร้งทำเป็นถอยหลังชนชายคนดังกล่าวจนเครื่องดื่มหกรดเสื้อของเขาจนเปรอะเปื้อน
ชายคนดังกล่าวทำหน้าตาโมโหทันที ก่อนที่จะเงยหน้ามามองเอ
เอรีบใช้เสน่ห์ยั่วยวนทันทีเพื่อทำให้ชายคนดังกล่าวอารมณ์เย็นลง
พร้อมกับดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากร่องอกแล้วเช็ดลงบนเสื้อและเนื้อตัวของชายคนดังกล่าว
“ตายแล้ว เปื้อนหมดเลย ขอโทษด้วยนะคะ ซุ่มซ่ามจังเลย”
“อ๋อ
ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่เป็นไร”
ชายคนดังกล่าวโบกไม้โบกมืออย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นเอเอาผ้าเช็ดหน้าลูบไล้ตามร่างกายของตน
“ขอโทษด้วยนะคะ
ดิฉันซุ่มซ่ามมากเลย”
เอถอยหลังมายืนคุยกับชายคนดังกล่าวพร้อมทำหน้าตาแสดงความเสียใจ
“อ๋อ
ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยครับ เกิดขึ้นกันได้ ว่าแต่...”
ชายคนดังกล่าวตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวดิฉันขอตัวก่อนนะคะ
ขอโทษด้วยนะคะ” เอพูดพลางขอปลีกตัวหลบไป ขณะที่ชายคนดังกล่าวพยายามจะกวักมือชวนเธอคุยต่อ
เอแอบเดินหลบเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับสร้อยคอทองคำและถุงกล่องบรรจุอาหารที่แนบนามบัตรเชฟติดมาด้วย
แล้วเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เพื่อโหนรถเมล์กลับบ้านต่อไป
บ้านของเธออยู่ในชุมชนแออัดขนาดใหญ่
เต็มไปด้วยบ้านไม้และบ้านสังกะสีแคบ ๆ พร้อมกับทางเดินทีลัดเลาะไปมา
ผู้คนนับร้อยนับพันต่างถิ่นต่างฐานมารวมอยู่กันจนแออัด
สร้างเสียงจอแจทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่หยุดพัก บวกกับน้ำคลำที่ส่งกลิ่นเป็นระยะ ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝน
“แม่!” เอเคาะและตะโกนเรียกแม่อยู่หน้าประตูบ้านไม้เก่า
ๆ
“เดี๋ยวสิโว้ย
กำลังแต่งตัวอยู่” แม่นุ่งผ้าถุงมาเปิดปลดกลอนประตูแล้วเปิดให้เอ “เชิญค่ะ แม่ไฮโซ”
“ม่ะ
กินข้าวกัน” เอพูดพร้อมกับเดินเอากล่องข้าวมาวางลงพื้น “ให้มาซะเยอะเลย”
“แล้วเป็นไง
วันนี้มีอะไรติดไม้ติดมือมาหรือเปล่า” แม่ถามขึ้นพร้อมกับเขย่งไปปิดกลอนประตู
เอเดินไปหยิบช้อนในห้องครัวแล้วกลับมานั่งกับพื้นพร้อมกับเปิดกล่องอาหาร
“เดี๋ยวดิแม่ คนเพิ่งจะกลับมาเหนื่อย ๆ ”
“ก็แค่ถาม
เผื่อได้อะไรมีค่ามาบ้าง จะได้เอาเงินมาจ่ายค่าแชร์ซะที”
แม่พูดพร้อมกับเดินมานั่งกินข้าวด้วย
“นี่ยังไม่จ่ายเขาอีกเหรอ”
เอทำหน้าตาตื่น “แล้วสร้อยที่ให้ไปอ่ะ”
“จ่ายค่าน้ำค่าไฟหมดแล้ว”
แม่ตอบ
“แม๊! ค่าน้ำค่าไฟมันเท่าไหร่เชียว
แล้วส่วนที่เหลืออ่ะ” เอทำท่าตกใจ
“ก็เอาไปจ่ายค่าหวยดิ”
แม่ทำลอยหน้าลอยตา
“แม๊! ไหนว่าเลิกเล่นแล้วไง”
เอทำหน้าเซ็ง ๆ
“ก็ข้าฝันดีนี่หว่า”
แม่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “และสร้อยที่ไอ้ป๋าคนนั้นมันให้มา มันก็แค่สลึงเดียวเองนะว๊อย
ไหนบอกว่าเป็นไฮโซเสี่ยใหญ่แถวหน้า เชอะ!”
เอถอนหายใจออกอย่างเซ็ง
ๆ “อ่ะ ได้มาอีกเส้นนึง”
ผลงานอื่นๆ ของ ทองลาย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ทองลาย
ความคิดเห็น